Binance
1.สรุปข้อดี-ข้อเสีย กระดานเทรด Binance
Pros / Cons
- ง่ายต่อการใช้งานสำหรับผู้เริ่มต้น
- กระดานซื้อขายอันดับ 1 ของโลก
- ผู้ก่อตั้งมีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก
- มีผลิตภัณฑ์การเงินและบริการหลากหลาย
- รองรับการใช้งานผ่านทุกช่องทาง (All Devices)
- ซื้อขายเหรียญคริปโตด้วยเงินบาทได้ผ่านวิธี P2P
- ระบบไม่สนับสนุนภาษาไทย
- ไม่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
- ระบบทีม Support ภาษาไทยเข้าถึงได้ยาก
2.สิทธิประโยชน์สมาชิก
ลำดับ | รายการสิทธิประโยชน์ | หมายเหตุ | ||
---|---|---|---|---|
1 | สมัครสมาชิกฟรี | - | ||
2 | สามารถใช้ผลิตภัณฑ์/บริการทั้งหมดของ Binance ได้ | - | ||
3 | เข้าร่วมกิจกรรมพิเศษที่ทาง Binance จัดขึ้นได้ | - | ||
4 | รับ Airdrop พิเศษจาก Binance ได้ | เมื่อมีสิทธิ์ | ||
5 | ใช้กระเป๋า Internal crypto wallet ได้ | - | ||
6 | เทรดเหรียญบน Binance ได้ | - |
3.ข้อมูลเบื้องต้น
Binance (อ่านว่า ไบ-แน้นซ์) คือแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลอันดับ 1 ของโลก (การจัดอันดับของ Coinmarketcap) ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกที่ประเทศจีน ในปี ค.ศ.2017 มีจำนวนเหรียญคริปโตให้เลือกเทรดมากกว่า 300 สกุลดิจิทัล มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันมากกว่า 500,000 BTC จากสมาชิกทั่วโลกกว่า 5,000,000 รหัสและเพิ่มขึ้นทุกวัน

ภาพแสดง: จำนวนผู้เยี่ยมชมกว่าเดือนละ 22 ล้านคนตลอดปี 2020-2022 (ขอบคุณ ahrefs.cm)
Binance ก่อตั้งขึ้นโดยนักพัฒนาซอฟแวร์ชาวจีนชื่อ คุณ Changpeng Zhao โดยมีวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจที่สำคัญคือ “การเพิ่มเสรีภาพในการใช้เงินทั่วโลก เราเชื่อว่าด้วยการเผยแพร่เสรีภาพนี้ เราสามารถปรับปรุงชีวิตคนทั่วโลกได้อย่างมาก” โดยมีพันธกิจหลักคือ เป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานของระบบนิเวศน์บล็อกเชน ซึ่ง Binance สร้างขึ้นโดยมีชื่อว่า BNB Chain ปัจจุบันมี Application ใช้งานบนระบบนิเวศน์ดังกล่าวมากกว่า 10,000 App และเพิ่มขึ้นทุกวัน ด้วยจุดเด่นเรื่องอัตราค่าธรรมเนียมการใช้งานระบบวเศน์ที่ถูกมาก!
ปัจจุบัน Binance มีผลิตภัณฑ์และบริการการเงินในโลกคริปโตครอบคลุมมากที่สุดในโลก อาทิเช่น NFT marketplace, DeFi และอีกหลายๆผลิตภัณฑ์ โดยมีเหรียญ BNB ซึ่งมีจำนวน 200,000,000 เหรียญ เป็นตัวแทนของความเติบโตของ Binance โดยปัจจุบันมีราคาต่อ 1 BNB มากกว่า $200
และ ณ ห้วงเวลานี้ Binance ได้ขยายฐานความมั่นคงอีกครั้งหนึ่ง เพราะเมื่อต้นปี ค.ศ.2022 Binance ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งและประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ณ เมืองดูไบประเทศ สาธารณะรัฐอาหรับเอมิเรตน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถ้าคุณต้องการเติบโตไปกับ Binance สมัครเป็นสมาชิกและร่วมเป็นชาว Binancian สิครับ
4.ประวัติผู้ก่อตั้ง
ผู้ก่อตั้ง Binance มีชื่อว่าคุณ Changpeng Zhao หรือในวงการเรียกว่า CZ (ซีซี) ถือเป็นผู้บริหารเชื้อสายจีน-แคนาดา เกิดเมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ.2520 ที่มณฑลเจียงซูประเทศจีน แต่ย้ายจากประเทศแผ่นดินแม่ไปอยู่อาศัย ณ ประเทศแคนาดาตั้งแต่ CZ อายุได้ 12 ปี โดยที่คุณพ่อและคุณแม่ของเขาเป็นคุณครูทั้งคู่ CZ เรียนจบจากมหาวิทยาลัย Zhao และได้ฝึกงานในบริษัทหลักทรัพย์ เมืองโตเกียวประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งทำให้เขาได้มีเวลาเต็มที่ในการสร้างและพัฒนาโปรแกรม “การซื้อขายล่วงหน้า” และหลังจากนั้นเขาก็ยังคงทำงานให้กับบริษัทโบรกเกอร์
5.ที่ตั้งบริษัท Binance
บริษัท Binance มีที่ตั้งสำนักงานทั่วโลก โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ประเทศ | เมือง | ที่อยู่ | สถานะ | |
---|---|---|---|---|
Cayman Islands | George Town | 23 Lime Tree Bay Ave | สำนักงานใหญ่ | |
Austria | Vienna | |||
Brazil | São Paulo | |||
Bulgaria | Sofia | |||
Canada | Toronto | |||
Columbia | Bogota | |||
Finland | Helsinki | |||
France | Paris | |||
Germany | Berlin | |||
Hong Kong | Hong Kong |
6.ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด
นอกจากการเป็นกระดานเทรดเหรียญคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว Binance ยังมีผลิตภัณฑ์การเงินและการบริการมากมาย โดยสรุปได้ดังต่อไปนี้คือ…
ลำดับ | ชื่อผลิตภัณฑ์/บริการ | คำอธิบาย | ||
---|---|---|---|---|
1. | Exchange | คุณสามารถซื้อขายเหรียญ bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ผ่านกระดานซื้อขาย Binance โดยมีสัญญาหลัก ๆ ในการให้บริการคือสัญญา Spot และสัญญา Future ครอบคลุมทุกเหรียญที่มีในระบบของ Binance | ||
2. | Academy | คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับคริปโตและ Blockchain ผ่านบทเรียนที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ส่งผลให้คุณเข้าใจเนื้อหา ในโลกของคริปโตมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือ ในหลาย ๆครั้ง กระดานซื้อขาย Binance ได้มอบเงินรางวัลให้กับผู้เรียนที่เข้าเรียนและสามารถตอบคำถามได้ถูกต้องอีกด้วย โดนเรามักเรียกกิจกรรมนี้ว่า Learn to Earn ซึ่งทาง Binance มีกิจกรรมดังกล่าวออกมาเป็นระยะทุกเดือน | ||
3. | Binance Live | เพื่อให้คุณเข้าถึงข่าวสาร Binance และ Bitcoin ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทาง Binance ได้จัดทำสถานทีออนไลน์เป็นของตนเอง โดยมีชื่อว่า Binance Live ซึ่งมีตารางถ่ายทอดสดทุกวัน โดยเวลาสำหรับประเทศไทยคือช่วงเวลา 17.00-19.00น. และสิ่งที่น่าสนใจที่หลายคนอาจไม่รู้คือ Binance มีการแจกเหรียญในช่วงที่มี Live เสมอ ๆ ดังนั้นสายนักล่ารางวัลต้องไม่พลาดอย่างยิ่งเลยทีเดียว | ||
4. | Charity | Binance ตระหนักถึงการเป็นกระดานซื้อขายที่ช่วยให้โลกใบนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น ดังนั้นรายได้ของ Binance ส่วนหนึ่งได้กันออกมาเป็นกองทุน เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ขาดโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีบล็อกเชน โดยมียอดเงินบริจาคไปแล้วกว่า 2,600 BTC และในปัจจุบัน Binance Charity ได้เปิด Binance Scholarship หรือกองทุนการศึกษา ให้กับผู้ที่สนใจเพิ่มเติมอีกด้วย | ||
5. | Card | เพิ่มความสะดวกในการใช้จ่ายของคุณด้วยการมอบ Cashback 8% เป็น BNB ให้กับทุกการใช้จ่ายผ่านบัตร Debit Binance card และเป็นที่น่าเสียดายว่าบัตรเดบิตนี้ อนุมัติได้เฉพาะผู้ที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยในยูโรปเท่านั้น รวมทั้งผู้ลี้ภัยจากประเทศยูเครน จึงจะสามารถใช้บัตรเดบิตการ์ดใบนี้ได้ | ||
6. | Lab | ทำหน้าที่หลักในการมอบโอกาสให้กับบรรดา Startup ที่มีผลิตภัณฑ์ด้านบล็อกเชนที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนโลก ปัจจุบันเปิดให้บริการมาแล้วกว่า 3 ปี และมีโปรเจ็คดัง ๆ ออกมาแล้วมากกว่า 25 โปรเจ็ค โดนโรเจ็คล่าสุดที่สร้างความฮือฮาได้มากในวงการคริปโตนั่นคือ การออกกำลังแล้วได้เงินไปด้วย หรือ StepN นั่นเอง | ||
7. | Lanchpad | ผลิตภัณฑ์นี้คล้ายกับการให้สิทธิ์ซื้อหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ต่างกันตรงที่ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้สิทธิ์กับสมาชิก Binance สามารถซื้อเหรียญที่กำลังจะเข้าสู่กระดานเทรด ส่งผลให้ส่วนใหญ่มักจะได้เหรียญที่มีราคาดีมาก หลาย ๆ คนสามารถทำกำไรจากการเทรดในส่วนนี้ได้มากทีเดียว | ||
8. | Research | ผลิตภัณฑ์ส่วนนี้ของ Binance เป็นการทำงานวิจัยในระดับลึก หรือในระดับข้อมูลของสถาบันการเงิน เพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการทราบข้อมูลในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล | ||
9. | Trust Wallet | ล่าสุด Binance ได้เข้าซื้อกิจการ Trust Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลทีมีความปลอดภัยสูง เป็น Hardware Wallet ที่ใช้งานง่าย และมีความปลอดภัยที่สำคัญ ยังมีดอกเบี้ยมอบให้กับผู้ใช้งานมากถึง 11% ต่อปีอีกด้วย | ||
10. | NFT | Binance NFT คือบริการตลาดซื้อขายภาพและผลิตภัณฑ์ NFT ที่รันบน BNB Chain แม้ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก แต่สำหรับใครที่ต้องการใช้ประโยชน์จาก NFT บนค่าธรรมเนียมที่แสนถูกแล้ว บริการ Binance NFT ตอบโจทย์การใช้งานเป็นอย่างยิ่ง | ||
11. | Binance Gift card | อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมากนั่นคือ Binance Gift card ที่อนุญาตให้คุณสามารถส่งเงินผ่าน Gift card ได้ คุณสามารถนำส่วนนี้ไปออกแบบเป็นกิจกรรมได้มากมาย เช่นการจัดกิจกรรมอบรางวัลเป็น Binance Gift card ใบละ $10 จำนวน 10 ใบแบบนี้เป็นต้น |
7.วิธีซื้อ/ขายเหรียญด้วยเงินบาท
คุณสามารถซื้อขายเหรียญ bitcoin หรือสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ บน Binance ได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้คือ (เฉพาะประเทศไทย, และผู้ถือสัญชาติไทย)
1.ผ่านบัตรเครดิต/เดบิตการ์ด
คนไทยสามารถซื้อหรือขายเหรียญคริปโตผ่านบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิตการ์ดได้ (Visa/Mastercards) โดยสามารถซื้อขายได้สูงสุดต่อวันที่ 1,836,000 บาท (หากต้องการจำนวนมากกว่านี้โปรดอัพเกรดบัญชีตนเอง๗ และควรซื้อขายต่อครั้งอยู่ระหว่าง 500 – 160,000 บาท
2.ผ่านวิธี P2P
วิธีซื้อขาย bitcoin และเหรียญคริปโตแบบที่สองคือ การซื้อผ่านระบบ P2P ของ Binance ซึ่งเป็นการซื้อขายกันโดยตรงระหว่างคนไทยกับคนไทย โดยใช้วิธีการโอนผ่านบัญชีธนาคารไทยโดยตรง ซึ่งวิธีที่สองนี้ได้รับความนิยมมากเช่นกัน เพราะสะดวกในการใช้งาน ปัจจุบันมีการซื้อขาย bitcoin และเหรียญคริปโตแบบ P2P รองรับการจ่ายเงิน (Payment) ดังนี้คือ
วิธีรับ/จ่ายเงิน | คำอธิบาย | ข้อดีของวิธีนี้ |
---|---|---|
1.Bank Tranfer | โอนเงินเข้าออกผ่านบัญชีธนาคารไทยแบบออนไลน์ นิยมที่สุดคือ KBANK | สะดวกที่สุดใช้แค่ Slip โอนยืนยัน |
2.True Money | โอนเงินเข้าออกผ่าน บัญชี True Money | เหมาะกับคนใช้ App True Money |
3.ShopeePay-SEA | โอนเงินเข้าออกผ่าน บัญชี True Money | เหมาะกับคนใช้ App Shoppee |
4.Cash Deposit to Bank | โอนเงินสดเข้าบัญชีที่ระบุโดยตรง | ใครมีเงินสดในมือ ควรใช้วิธีนี้ |
5.Line Pay | โอนเข้าเข้าออกด้วยบัญชี Line Pay | ใครซื้อขายของผ่าน Line Pay ใช้วิธีนี้ได้เลย |
6.Wise | โอนเข้าเข้าออกด้วยบัญชี Wise | เน้นการโอนเงินข้ามประเทศ |
7.Western Union | โอนเข้าเข้าออกด้วยบัญชี Western Union | เน้นการโอนเงินข้ามประเทศ |
8.Bank slip | โอนเข้าเข้าออกด้วยบัญชี Bank slip | ยังไม่มีผู้ใช้งาน |
9.Alipay | โอนเข้าเข้าออกด้วยบัญชี Alipay | ยังไม่มีผู้ใช้งาน |
10.Absolut Bank | โอนเข้าเข้าออกด้วยบัญชี Absolut Bank | ยังไม่มีผู้ใช้งาน |
11.International Wire (SWIFT) | โอนเข้าเข้าออกด้วยบัญชี SWIFT | ยังไม่มีผู้ใช้งาน |
12.Transfers with specific bank | โอนเข้าเข้าออกด้วยบัญชี Transfers with specific bank | ยังไม่มีผู้ใช้งาน |
13.CenterCredit Bank | โอนเข้าเข้าออกด้วยบัญชี CenterCredit Bank | ยังไม่มีผู้ใช้งาน |
14.Interbank | โอนเข้าเข้าออกด้วยบัญชี Interbank | ยังไม่มีผู้ใช้งาน |
15.Moneygram | โอนเข้าเข้าออกด้วยบัญชี Moneygram | ยังไม่มีผู้ใช้งาน |
16.PayMe | โอนเข้าเข้าออกด้วยบัญชี PayMe | ยังไม่มีผู้ใช้งาน |
17.Revolut | โอนเข้าเข้าออกด้วยบัญชี Revolut | ยังไม่มีผู้ใช้งาน |
8.อัตราค่าธรรมเนียม
วิธีการเก็บค่าธรรมเนียมของกระดานซื้อขาย Binance นั้นมีวิธีการดังต่อไปนี้คือ
ค่าธรรมเนียมสัญญาเทรด
ประเภทรายการ | Maker | Taker | ส่วนลดใช้ BNB | หมายเหตุ |
---|---|---|---|---|
เทรดสัญญา Spot | 0.10% | 0.10% | 25% | เทรดคู่ BTC ค่าธรรมเนียม 0% เทรดคู่ BUSD Maker ค่าธรรมเนียม 0% |
เทรดสัญญา USDⓈ-M Futures | 0.02% | 0.04% | 10% | |
เทรดสัญญา COIN-M Futures Trading | 0.01% | 0.05% | - | |
ค่าธรรมเนียมฝากถอนเงิน
ประเภทรายการ | ค่าธรรมเนียม | หมายเหตุ |
---|---|---|
ฝากเงินดอลล่าร์ | 0 | ยังไม่สามารถฝากเงินบาทเข้า Binance โดยตรงได้ |
ถอนเงินดอลล่าร์ | 15 USD | ยังไม่สามารถถอนเงินบาทจาก Binance โดยตรงได้ |
ฝากเงินสกุลดิจิทัล | FREE | |
ถอนเงินสกุลดิจิทัล | ตรวจสอบด้วยตนเอง | เหรียญที่สร้างบน Blockchain มักจะมีค่าธรรมเนียมถูก |
สามารถตรวจสอบอัตราค่าธรรมเนียมได้ที่ https://www.binance.com/en/fee/cryptoFee
9.กองทุนประกันความเสี่ยงทางการเงิน
Binance มีกองทุนประกันความเสี่ยงและชดเชยกรณีถูกโจมตีทางการเงิน โดยมีชื่อว่า Secure Asset Fund for Users (SAFU) ซึ่งปัจจุบันได้มีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐเรียบร้อยแล้ว โดยกองทุนนี้จะถูกนำมาชดเชยให้ลูกค้าทันทีกรณีเว็บถูกแฮ้กทางการเงิน หรือมีการโจรกรรมทางการเงินใด ๆเปิดขึ้น โดยคุณสามารถตรวจสอบยอดเงินกองทุนด้วยตนเองที่ 2 Wallet นี้
Wallet Address ที่ 1
Wallet Address ที่ 2
10.ความเห็นผู้เขียน
โดยสรุปแล้วผู้เขียนเห็นว่า กระดานเทรด bitcoin อย่าง Binance ถือเป็นหนึ่งในกระดานเทรดคุณภาพที่คุณสามารถไว้วางใจ และใช้บริการได้ ไม่ว่าคุณนั้นจะเป็นเพียงผู้เริ่มต้น หรือว่าเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในโลกคริปโตอยู่แล้วก็ตาม อีกทั้งผลิตภัณฑ์การเงินที่ครอบคลุมทั้งในส่วนของ นักลงทุนเน้นคุณค่า หรือเทรดเดอร์ สามารถเลือกใช้สิ่งที่ตนเองชอบได้ตามต้องการ
โดยข้อจำกัดประการสำคัญคือ Binance ยังไม่ได้รับใบอนุญาตจากประเทศไทย หรือ Thai SEC ให้สามารถขยายธุรกิจอย่างเป็นทางการในประเทศไทยได้ และเว็บ Binance.com ยังไม่รองรับภาษาไทย แต่ในอนาคตคนไทยอาจได้เห็นการตั้งกิจการเกี่ยวกับการเทรดคริปโตในประเทศไทยก็เป็นได้
11.บทความที่เกี่ยวข้องกับ Binance
➡️Flixible Saving – สอนวิธีฝากเงินออมทรัพย์กินดอกเบี้ยที่ Binance
➡️Locked Saving – สอนวิธีฝากเงินแบบประจำกินดอกเบี้ยที่ Binance
➡️BNB Vault – สอนวิธีฝากเหรียญ BNB ไว้ในตู้นิรภัยเพื่อรับดอกเบี้ยจาก Binance
➡️Launchpool – สอนวิธีขอรับส่วนแบ่งเงินรางวัลพิเศษจากเหรียญที่จะเข้าเทรดที่ Binance
➡️Launchpad – สอนวิธีซื้อเหรียญ IDO ก่อนเข้าตลาด Binance
➡️P2P – สอนวิธีซื้อขายเหรียญคริปโตด้วยเงินบาท
➡️Locked Staking
➡️DeFi Staking
➡️Auto-Invest – สอนวิธีลงทุนคริปโตด้วยโปรแกรม Auto Invest